วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ทรัพย์ทางปัญญา...

คนเรานั้นไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเรียนรู้
เพราะความรู้นั้นจะอยู่ติดตัวเราไปจนแก่เฒ่า
เป็นทรัพย์สมบัติที่ยิ่งใช้จะยิ่งมีมากขึ้น.. มากขึ้น
และจะนำชีวิตเราไปในทางที่ดี เหมือนแสงไฟที่ส่องนำทาง
แม้จะน้อยนิดแต่ก็ยังมีแสงรำไรให้เรามองเห็น...



ไม่มีใครเป็นที่พึ่งให้เราได้ทั้งชีวิต
เราควรศึกษาเรียนรู้สิ่งต่างๆในโลก ทั้งทางวิชาการ และความรู้ทั่วไป
ที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ใช้ทรัพย์ทางปัญญาของเราสร้างประโยชน์ให้แก่ตัวเองและสังคม
เพราะสิ่งเหล่านั้นจะยังคงอยู่แม้เวลาจะผ่านไป...

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนรู้แบบครูนอกกะลา - ถอนความคิดเดิม


เรียนรู้แบบครูนอกกะลา
ที่โรงเรีียนลำปลายมาศพัฒนา เมื่อมาเป็นครูใหม่ๆ คิดว่าเราจะต้องใช้เสียงดัง ตีเด็กถ้าเด็กดื้อ เคาะโต๊ะ เคาะกระดานถ้าเด็กไม่ฟัง แต่เมื่อเรียนรู้ได้กับแนวปฏิบัติของครูที่นี่ ความคิดเราเปลี่ยน การปฏิบัติของเราต่อเด็กก็เปลี่ยนไป
ถ้าย้อนไปจากการถูกเลี้ยงดูของพ่อแม่ เราไม่ชอบที่พ่อแม่ด่าว่าเรา ไม่ชอบที่ท่านตี หรือมาโรงเรียนเราก็ไม่ชอบครูเสียงดัง ครูดุด่า ครูตีเด็ก สิ่งนี้เราไม่ชอบทั้งนั้น การถูกหล่อหลอมแบบครูนอกกะลาของโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ทำให้เราเรียนรู้ว่ามีวิธีการมากมายที่เราจะสอนเด็กโดยไม่ใช้เสียงดุด่าหรือไม้เรียวช่วย แต่เราใช้ใจสื่อสารกับใจ เมื่อเราใช้เสียงเบา เด็กก็จะเสียงเบา เมื่อเราบอกด้วยเหตุผล เด็กก็จะเป็นคนมีเหตุผล ถ้าเราไม่ใช้การลงโทษด้วยการตี เด็กก็จะมีบุคลิกที่อ่อนโยน ไม่รังแกคนอื่น เชื่อไหมว่าถ้าเราตีเด็ก 1 ครั้ง เด็กก็จะทำเช่นเดียวกับเราโดยการตีหรือแสดงออกที่รุนแรงและใช้อารมณ์ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะการลงโทษด้วยวิธีที่รุนแรงมันฝังอยู่ข้างในนานแสนนาน และไม่รู้ว่ามันจะถูกลบออกได้ตอนไหน
เมื่อใดที่เด็กแสดงออกด้วยวิธีที่รุนแรง ครูหรือผู้ใหญ่ต้องใช้วิธีนุ่มนวลมากๆ "เมื่อไรที่ไฟลุกโหม เรายังต้องใช้น้ำดับไฟ เมื่อไรเด็กมีอารมณ์รุนแรง เราต้องใช้น้ำใจช่วยดับความรุนแรงนั้น"

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

เอาชีวิตรอดกับเอาตัวรอด


คนเราเกิดมาต้องดิ้นรนให้ตัวเองมีชีวิตรอดอยู่ได้ ดิ้นรนที่จะต้องทำมาหากิน มีเสื้อผ้าใส่ หาที่ให้ตนเองอยู่ ถ้าโชคดีก็มีพ่อแม่ที่คอยเลี้ยงดูให้ความรักความอบอุ่น บางคนโชคร้ายก็ต้องหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็ก พ่อแม่แทบไม่รู้จัก เป็นเด็กเร่ร่อน ขอทาน ชีวิตไร้ความหวังไร้หนทางที่จะไป เพราะไม่มีคนให้กำลังใจให้ความหวังที่จะสู้ต่อไป แต่ถ้าดีหน่อยได้ผู้ใหญ่ที่คอยอุ้มชู พอที่จะทำดีต่อไปไม่หลงทาง ซึ่งมีตัวอย่างที่น่านับถืออย่าง "ไล่ตงจิ้นลูกขอทาน ที่บางวันแทบจะไม่มีอะไรตกถึงท้อง รับภาระขอทานเลี้ยงน้อง แม่ปัญญาอ่อน พ่อตาบอด เสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นผ้าห่อศพ เสื้อผ้าของคนตาย แต่สู้ชีวิต มีครูและคนอื่นๆ ให้กำลังใจจนประสบผลสำเร็จและเห็นคุณค่าของการมีชีวิต"

บางคนโชคดีที่มีทุกอย่างพร้อม แต่มีปัญญาที่มีลักษณะ "เอาตัวรอดเป็นยอดดี" ซึ่งในความหมายบางมุมที่ซ่อนอยู่ข้างในคือ ความเห็นแก่ตัว เอาตัวให้พ้นผิด รู้วิธีที่จะให้ตนเองพ้นๆ จากสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ จนสิ่งที่ตนเองพยายามสลัดออกนั้นอาจไปตกอยู่ที่คนอื่น

ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งให้โอวาทว่า "เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็อย่าให้เสียชาติเกิดของความเป็นมนุษย์"